วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ตำราชีวิตประจำวัน


สูตรแห่งความสุข...ตำราชีวิตประจำวัน
พรรคพวกส่งจดหมายเวียนผ่านอีเมล์มาให้....บอกว่าเป็น สูตรแห่งชีวิตประจำวันที่ควรจะส่งต่อไปให้คนที่เรารักห่วงใยและต้องการให้เขาหรือเธอมีความสุขทั้งกายและใจ...

ทำนองเด! ียวกันที่ชาวชีวจิตมีความห่วงหาอาทรต่อกันอย่างไม่ลดละ
เพื่อนเรียกสูตรนี้ว่าเป็น Lifebook หรือเป็น ตำราแห่งชีวิต” ซึ่งผมคิดว่าเหมาะเจาะกับเนื้อหา
และคำแนะนำที่น่าสนใจยิ่ง ทั้งง่ายและตรงไปตรงมาใครจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้,เป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลไม่บังคับยัดเยียดกันไม่ต่อว่าต่อขานกันแต่ถ้าหากมีความมุ่งมั่นจะทำอะไร
ให้กับชีวิตของตนเองก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าส่งเสริมสนับสนุน สมควรที่จะให้กำลังใจแก่กันและกันอย่างยิ่ง

สูตรที่ว่านี้มีง่าย ๆ อย่างนี้
๑.   ดื่มน้ำให้มาก    
๒.   กินอาหารเช้าเหมือนราชารับประทานอาหารเที่ยงเหมือนเจ้าชายและเมื่อถึงอาหารเย็น,ให้วาดภาพว่าตัวเองเป็นแค่ขอทาน (แปลว่ากินมือหนักที่สุดตอนเช้าและกลาง ๆ ตอนเที่ยงและตกเย็นแล้วทำตัวเป็นยาจกไม่มีอะไรจะกิน...สุขภาพจะเป็นอย่างเทวดาที! เดียวเชียวแหละ)
๓.กินอาหารที่โตบนต้นและบนดินพยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่ผลิตจากโรงงาน
๔.ใช้ชีวิตบนหลักการ 3 E...นั่นคือ energy หรือพลังงาน, enthusiasm หรือกระตือตือร้นและ empathy คือเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ๆ
๕.  หาเวลาทำสมาธิหรือสวดมนต์เสมอ
๖.   เล่นเกมสนุก ๆ เสียบ้างอย่! าเครียดกันนักเลย
๗.  อ่านหนังสือให้มากขึ้น...ตั้งเป้าว่าปีนี้จะอ่านมากกว่าปีที่ผ่านมา
๘.  นั่งเงียบ ๆ อยู่กับตัวเองสักวันละ 10 นาทีให้ได้
๙.   นอนวันละ 7 ชั่วโมง
๑๐.เดินสักวันละ 10 ถึง 30 นาทีแล้วแต่จะสะดวกไม่ต้องเครียดกับมัน
วันไหนไม่ได้เดิน,ก็อย่าหงุดหงิดกับมัน
๑๑.ระหว่างเดินอย่าลืมยิ้มนั่นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับสุขภาพกายและใจที่ผสมปนเปกันได้เสมอหากทำเป็นกิจวัตร,ชีวิตก็จะแจ่มใส,แต่อย่าทำให้ตัวเองเครียดด้วยการรู้สึกผิดถ้าหากวันไหนทำไม่ได้ตามที่วางกำหนดเวลาของตนเอาไว้ วันนี้ทำไม่ได้พรุ่งนี้ทำก็ได้ แต่การไม่เอาจริงเอาจังกับตัวเองเกินไปไม่ได้หมายถึงการผัดวันประกันพรุ่งซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน

 

สูตรเกี่ยวกับบุคลิกของตัวเองที่ควรไปจะคู่กับสูตรสุขภาพมีอย่างนี้ครับ
๑.  อย่าเปรียบเทียบชีวิตของตัวเองกับคนอื่น คุณไม่รู้หรอกว่าคนที่คุณอิจฉานั้นเขามีความทุกข์ยิ่งกว่าคุณอย่างไรบ้าง
๒.   อย่าคิดทางลบเกี่ยวกับเรื่องที่คุณควบคุมหรือกำหนดไม่ได้ แทนที่จะมองโลกในแง่ร้ายก็ทุ่มเทกำลังและพลังงานให้กับความคิดทางบวก ณ ปัจจุบันเสีย
๓.  อย่าทำอะไรเกินกว่าที่ตัวเองทำได้...รู้ว่าขีดจำกัดของตัวเองอยู่ที่ไหน
๔.  อย่าเอาจริงเอาจังกับตัวเองนัก เพราะคนอื่นเขาไม่ได้ซีเรียสกับคุณเท่าไหร่หรอก
๕.  อย่าเสียเวลาและพลังงานอันมีค่าของคุณกับเรื่องหยุมหยิมหรือเรื่องซุบซิบ....นอกเสียจากว่ามันจะทำให้คุณผ่อนคลายได้อย่างจริงจัง
๖.  จงฝันตอนตื่นมากกว่าตอนหลับ
๗. ความรู้สึกอิจฉาริษยาเป็นเรื่องเสียเวลาเปล่า ๆ ปลี้ ๆ...คิดให้ดีก็จะรู้ว่าคุณมีทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องมีแล้ว
๘. ลืมเรื่องขัดแย้งในอดีตเสีย และอย่าได้เตือนสามีหรือภรรยาคุณเกี่ยวกับความผิดพลาดในอดีตของ อีกฝ่ายหนึ่งเลย เพราะมันจะทำลายความสุขปัจจุบันของคุณ
๙.  ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่เราจะไปโกรธเกลียดใคร...จงอย่าเกลียดคนอื่น
๑๐.ประกาศสงบศึกกับอดีตให้สิ้นจะได้ไม่ทำลายปัจจุบันของคุณ
๑๑.ไม่มีใครกำหนดความสุขของคุณได้นอกจากคุณเอง
๑๒.จงเข้าใจเสียว่าชีวิตก็คือโรงเรียน คุณมาเพื่อเรียนรู้ และปัญหาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักสูตร ซึ่งมาแล้วก็หายไป...เหมือนโจทย์วิชาพีชคณิต...แต่สิ่งที่คุณเรียนรู้นั้นอยู่กับคุณตลอดชีวิต
๑๓. จงยิ้มและหัวเราะมากขึ้น
๑๔. คุณไม่จำเป็นต้องชนะทุกครั้งที่ถกแถลงกับคนอื่นหรอก....บางครั้งก็ยอมรับว่าเราเห็นแตกต่างกันได้...เห็นพ้องที่จะเห็นต่างก็ไม่เห็นเสียหายแต่อย่างไร
  
   แล้วเราควรจะมีทัศนคติอย่างไรต่อชุมชนและคนรอบข้างเราล่ะ?
     
๑.      อย่าลืมโทรฯหาครอบครัวบ่อย ๆ
     
๒.    จงหาอะไรดี ๆ ให้คนอื่นทุกวัน
     
๓.     จงให้อภัยทุกคนสำหรับทุกอย่าง
     
๔.     จงหาเวลาอยู่กับคนอายุเกิน 70 และต่ำกว่า 6 ขวบ
     
๕.     พยายามทำให้อย่างน้อย คนยิ้มได้ทุกวัน
     
๖.      คนอื่นเขาคิดอย่างไรกับคุณไม่ใช่เรื่องของคุณสัก  หน่อย
     
๗.     งานของคุณไม่ดูแลคุณตอนคุณป่วยหรอก แต่ครอบครัวและเพื่อนคุณต่างหากเล่าที่จะดูแลคุณ !  ในยามคุณมีปัญหาสุขภาพ ดังนั้นอย่าได้ห่างเหินกับคนใกล้ชิดเป็นอันขาด
 


 และถ้าหากสามารถดำรงชีวิตให้มีความหมายได้ก็ควรจะทำดังต่อไปนี้
      
๑.   ทำสิ่งที่ควรทำ
      
๒.   อะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ไม่สวยไม่น่ารื่นรมย์จงทิ้ง
 
         ไปเสีย...เก็บไว้ทำไม?
      
๓.   เวลาและพระเจ้าย่อมรักษาแผลทุกอย่างได้
      
๔.  ไม่ว่าสถานการณ์จะดีหรือเลวปานใดเดี๋ยวมันก็เปลี่ยน
      
๕.  ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรในตอนเช้าของทุกวันจงลุกจากเตียงแต่งตัวและปรากฎตัวต่อหน้า
         คนที่เราร่วมงานด้วย...get up, dress up and show up.
      
๖.   สิ่งที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
      
๗.   ถ้าคุณยังลุกขึ้นตอนเช้าได้อย่าลืมขอบคุณพระเจ้า  หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือเสียด้วย
      
๘.  เชื่อเถอะว่าส่วนลึก ๆ ในใจของคุณนั้นมีความสุขเสมอ...ดังนั้นส่วนนอกของคุณทุกข์โศกไปทำไมเล่า?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Siam Class : บันทึกสำหรับคนชอบสะสม แสตมป์ (Stamps)